มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ออกโรงเตือนนักเตะที่เคยออกมาขู่ว่าจะเดินออกจากสนามหากโดนเหยียดผิวว่า จะโดนจดชื่อรับใบเหลืองแน่นอน ก่อนหน้านี้ มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกจอมแสบของอิตาลี เคยให้สัมภาษณ์ว่า หากโดนเหยียดผิวในการลงเตะยูโร 2012 จะเดินออกจากสนามทันที ซึ่งพลาตินี่ ได้ออกมากล่าวในการแถลงข่าวเปิดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
อ่านต่อที่ http://news.77จังหวัด.com/11625-%22%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%22%E0%B8%82%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%96.html
วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555
มาดูทีมใน ยูโร 2012 กลุ่มดี
อันดับโลก - 17
ผลงานดีที่สุด - รอบรองชนะเลิศปี 1992
โปรแกรมรอบแรก
11/06//2012 ยูเครน 01.45 น. ที่เคียฟ
15/06//2012 อังกฤษ 01.45 น. ที่เคียฟ
19/06//2012 ฝรั่งเศส 01.45 น. ที่เคียฟ
11/06//2012 ยูเครน 01.45 น. ที่เคียฟ
15/06//2012 อังกฤษ 01.45 น. ที่เคียฟ
19/06//2012 ฝรั่งเศส 01.45 น. ที่เคียฟ
หลังจากที่ "ไวกิง" สวีเดน พลาดการเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ก็ถึงคราวที่ทีมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่เห็นได้ชัดว่าทีมชุดเดิมอายุมากเกินกว่าจะสู้กับทีมชั้นดีของยุโรป การเปลี่ยนแปลงเป็นทั้งการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น และการจากไปของ ทอมมี โซเดอร์เบิร์ก กับ ลาร์ส ลาเกอร์บัค กุนซือคนคู่ที่ทำทีมกันมานาน สถิติการเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลรายการใหญ่ 5 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกันตั้งแต่ยูโร 2000 ถึงยูโร 2008 กลายเป็นเรื่องอดีต
สวีเดนเป็นเพียงทีมอันดับ 3 รองจากสเปน และรัสเซีย ในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก นั่นจึงเป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้วยการตั้งเอา อีริค ฮัมเรน เข้ามาสร้างทีมชุดใหม่ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูก ฮัมเรน ปรับทีมด้วยการเสริมผู้เล่นดาวรุ่งจนทีมระเบิดฟอร์มเอาชนะ ฮอลแลนด์ 3-2 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก ส่งผลให้ สวีเดน เป็นรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุดเหนือ โปรตุเกส และ โครเอเชีย ได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องไปเพลย์ออฟ
กับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปช่วงหลังมักจะไม่พลาดการไปเล่นรอบสุดท้ายเท่าไรนัก แต่ผลงานยังไม่เคยโดดเด่นเหมือนเพื่อนบ้านอย่าง "โคนม" เดนมาร์ก ผลงานที่ดีที่สุดทำได้เพียงรอบรองชนะเลิศในปี 1992 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ และเดนมาร์ก ข้ามฝั่งมาหยิบแชมป์ไปครอง แต่สิ่งที่ได้เห็นในคราวนั้นคือ สวีเดน เล่นเกมรอบแรกได้เป็นอย่างดี ส่งให้ทีมใหญ่อย่าง อังกฤษ กับ ฝรั่งศส 2 ทีมร่วมกลุ่มในครั้งนี้ตกรอบแรกมาแล้ว
หลังจาก ฮัมเรน เข้ามาทำทีม ใจจริงแล้วอยากจะให้สวีเดนเล่นเกมรุกมากขึ้น แต่ในช่วงของรอบคัดเลือกช่วงแรกยังไม่กล้าปรับอะไรมาก เพราะต้องการสมดุลในทีมที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้สมดุลในทีมเริ่มมีมากขึ้น ชัยชนะเหนือทีมใหญ่อย่าง ฮอลแลนด์ ทำให้ทุกอย่างเหมือนว่าจะลงตัวเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ระบบทีมลงตัวจากการทำงานอย่างหนักในแนวรับก่อน เมื่อลงตัวแล้วเกมรุกก็ย่อมตามมา
ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างยูโร 2012 สวีเดน น่าจะเหมือนกับหลายๆ ทีมที่เล่นเกมรับเอาเหนียวแน่นไว้ก่อนแล้วเล่นเกมโต้กลับเร็ว แต่ที่แตกต่างกันคือ สวีเดน มีกองหน้าที่ไว้ใจได้อย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่อันตรายทั้งภาคพื้นดินและลูกกลางอากาศ ขณะที่ตัวป้อนบอลก็มีหลายแนวไม่ว่าจะเป็น คิม คัลล์สตรอม, เซบาสเตียน ลาร์สสัน และ โยฮัน เอลมานเดอร์ โดยเฉพาะ คัลล์สตรอม ที่มีสถิติใส่พานให้เพื่อนทำประตูไม่แพ้ เมซุต โอซิล ของเยอรมนี
เมื่อทุกอย่างลงตัว สวีเดนชุดที่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มน่าจะสู้ได้กับทีมร่วมกลุ่มทุกทีม
ผู้เล่น 11 ตัวจริง 4-4-2
ผู้รักษาประตู - อันเดรียส อิซัคส์สัน
กองหลัง - มิคาเอล ลุสติก, โยนาส โอลส์สัน, โอลอฟ เมลล์เบิร์ก, มาร์ติน โอลส์สัน
กองกลาง - เซบาสเตียน ลาร์สสัน, รัสมุส เอล์ม, อันเดอร์ส สเวนส์สัน, คิม คัลล์ สตรอม
กองหน้า - ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, โยฮัน เอลมานเดอร์
...........................................
กุนซือ - อีริค เฮมเรน
หลังจากหมดยุคของกุนซือคู่อย่าง ทอมมี โซเดนเบิร์ก กับ ลาร์ส ลาเกอร์บัค ไปแล้ว สวีเดนยังคงยึดมั่นกับการใช้โค้ชในชาติตัวเองด้วยการตั้งให้ อีริค เฮมเรน เป็นกุนซือคนใหม่ หลังจากที่ ลาเกอร์บัค ลาออกไปเมื่อจบฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกซึ่งสวีเดน ไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ โดยก่อนที่ ลาเกอร์บัค จะออกจากตำแหน่งไปถูกวิจารณ์ว่าที่ทีมเล่นเกมรับมากเกินไปจน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกตัวเก่งประกาศอำลาทีมชาติ
แต่เมื่อ เฮมเรน วัย 54 ปีเข้ามาทำทีมก็สามารถชักจูงให้กองหน้าของเอซี มิลาน รายนี้กลับใจมาเล่นทีมชาติอีกครั้ง และภายใต้การทำทีมของเฮมเรนนั้น อิบราฮิโมวิช มีโอกาสได้เล่นในเกมของตัวเองมากขึ้น จากการที่ทีมเน้นเกมรุก แม้ว่าจะไปแพ้ ฮอลแลนด์ ถึง 4-1 แต่ภายหลังเมื่อทีมลงตัวก็กลับมาชนะได้ในบ้านตัวเอง
กุนซือรายนี้ไม่มีชื่อเสียงนักเมื่ออยู่นอกสแกนดิเนเวีย แต่แถวถิ่นเกิดของตัวเองนั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จกับ โรเซนบอร์ก ที่ได้แชมป์นอร์เวย์ 2 ครั้ง ได้แชมป์เดนมาร์กกับ อัลบอร์ก, และแชมป์สวีดิชคัพ 3 สมัยกับ เอไอเค สตอคโฮล์ม และ ออร์กรีเต
...........................................
ผู้เล่นสำคัญ - ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช คือหนึ่งในนักเตะชั้นยอดของโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน จากพรสวรรค์ที่มีอยู่เต็มตัว ผ่านทีมใหญ่อย่าง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา, ยูเวนตุส และ 2 ทีมแห่งเมืองมิลาน อินเตอร์ และ เอซี มิลาน มาแล้วมีดีกรีเป็นแชมป์ลีก 7 ครั้งใน 3 ลีก กับเกมระดับชาติก็เคยผ่านเวทีใหญ่อย่างฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาอย่างละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะในยูโร 2004 ที่โปรตุเกสก็ช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนดวลจุดโทษแพ้ ฮอลแลนด์อย่างน่าเสียดาย
ด้วยความสูงถึง 1.95 เมตร ทำให้กัปตันทีมรายนี้เป็นกองหน้าที่หุ่นดีเอามากๆ ได้เปรียบกองหลังในเรื่องของลูกกลางอากาศ แต่จุดเด่นที่แท้จริงคือเรื่องของทักษะการเล่น ที่มีการสัมผัสบอลที่นุ่มนวล มีการยิงประตูที่เฉียบคม การที่ผ่านการฝึกเทควันโดทำให้ร่างกายยิ่งแข็งแกร่งมีความยืดหยุ่นและสมดุลของร่างกายดีขึ้น จึงไม่แปลกที่เคยได้รับเลือกเป็นหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมยูฟ่ามา 2 ครั้ง ทีมยอดเยี่ยมกัลโช ซีรีส์ เอ 3 ครั้ง และนักเตะยอดเยี่ยมสวีเดน 6 สมัย
อีกคนที่น่าจับตามองในทีมชุดนี้คือ คิม คัลล์สตรอม ตัวปั้นเกมจาก โอลิมปิก ลียง เป็นผู้เล่นถนัดเท้าซ้ายที่ในรอบคัดเลือกผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 7 ประตู แต่นอกจากการทำเกมแล้วกองกลางวัย 29 ปียังทำประตูได้เองอีก 3 ประตู จากการที่เล่นทีมชาติมาแล้วกว่า 80 นัด เป็นกองกลางที่ครบเครื่องคนหนึ่งของยูโร 2012 ครั้งนี้
...........................................
คุณรู้หรือไม่?
สวีเดน เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเพียงครั้งเดียวที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพในปี 1992 ในรอบแรกเอาชนะทีมเต็งอย่างอังกฤษ 2-1 แต่เกมตัดเชือกไปแพ้ เยอรมันตะวันตก 2-3 ที่สตอกโฮล์ม ทำให้ชวดโอกาสชิงชนะเลิศ
.....................................
ขอบคุณข่าวจาก มติชนออนไลน์
ขอบคุณข่าวจาก มติชนออนไลน์
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)